ReadyPlanet.com
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
สมาชิกใหม่ขณะนี้ คน
dot
dot
dot
dot
dot

dot
dot
dot
dot
dot
PLCนวัตกรรม
bulletระบบประกันคุณภาพออนไลน์
bulletfacebook.com - kruthai40
dot
dot


กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และการเรียนรู้ ที่น่าสนใจ
มรดกไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เครือข่ายกาญจนาภิเษก
เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
ห้องเรียน DLIT
ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ
gotoknow:kruthai40


สารคดี "ต้นกำเนิดแม่น้ำชี" article

#สารคดีต้นกำเนิดแม่น้ำชี

ต้นกำเนิดลำน้ำชี  ชัยภูมิเมืองแห่งขุนเขา

 

       ชัยภูมิ  เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน มีพื้นที่กว้างเป็นอันดับ ๙ ของประเทศ อันดับที่ ๔ ของภาคอีสาน เป็นจังหวัดที่มีภูเขามากที่สุดและสูงที่สุดในภาคอีสานที่สำคัญคือ  เป็นแหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำสายเลือดหลักของภาคอีสาน คือ แม่น้ำชี

             ค้นคว้า อ้างอิงเพิ่มเติม 
             อ่านข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ 
             วิกิพีเดีย

            แม่น้ำชี  เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย คือ ยาวถึง ๗๖๕ กิโลเมตร  เป็นแม่น้ำที่มีลักษณะการเกิดที่แปลกที่สุดสายหนึ่งของโลก รวมทั้งแหล่งทำให้เกิดน้ำตกเป็นร้อยๆชั้น คาดว่าน้ำตกที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่ต้นน้ำชี้นี้เอง มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของชาวอีสานถึง ๙ จังหวัด ที่ไหลผ่าน ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี  ปัจจุบันทุกท่านคงเข้าใจถึงความทุกข์ยากของพี่น้องชาวอีสานต้องตรากตรำ ลำบาก ยากจน อดทน ดิ้นรนหางานทำทั่วประเทศ (แต่ไม่รวมตัวเดินขบวนเรียกร้องอะไรจากรัฐบาล)  เพื่อการดำรงชีวิต ยิ่ง ๑๐ ปีที่ผ่านมาชาวอีสานยิ่งแย่เพราะแม่น้ำชีลดปริมาณลงมาก  ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องเรา ทางรัฐบาลจึงได้เสนอโครงการพัฒนาอีสานเขียว ซึ่งเป็นที่ทราบโดยทั่วไปแล้ว  แต่ผู้เขียนคิดว่าโครงการนี้จะสำเร็จหรืออีสานจะเขียวหรือไม่ แม่น้ำชีก็เป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยิ่ง เราจึงหันมาศึกษาให้รู้จริงถึงลักษณะการเกิด และสภาพข้อมูลทั่วไปของแม่น้ำชีว่าเป็นอย่างไร

        แม่น้ำชี  เกิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ บริเวณภูเขียวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิพื้นที่ภูเขาด้านทิศตะวันตกของทุ่งกะมัง และด้านทิศตะวันตกไปจนถึงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านโหล่น  อำเภอหนองบัวแดง  จังหวัดชัยภูมิ  อันประกอบด้วยป่าเขา  ลำเนาไพรยากแก่การเข้าไปถึงได้ มีลำห้วยหลักอยู่ ๔ สาย  คือ  เพียว
ยอดชี  โก่ย (ไขว่)  และ  ห้วยน้ำอุ่น  จะขอกล่าวเป็นสายดังนี้

        ห้วยเพียว  เริ่มจากเขาสันปันน้ำ  ซึ่งมีความสูงถึง ๑,๓๓๖ เมตร  เป็นสันเขาแบ่งเขตจังหวัดชัยภูมิกับจังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณยอดเขาลูกนี้มีไม้ไผ่ไพรวานหนาทึบเป็นดงดิบ  อุดมไปด้วยทากทุกฤดูกาล  น้ำจะซึมซับออกมาจากยอดเขาซีกตะวันออก ก่อให้เกิดเป็นต้นน้ำไหลซึมวับมาจากหลายๆ จุดรวมกัน  เริ่มต้นเท่ากับท่อน้ำประปาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓/๔ นิ้ว ซึ่งคณะสำรวจสามารถเขาไปสัมผัสได้  แล้วมารวมกับจุดอื่นๆ เริ่มเป็นลำธารเล็กๆ ไหลลดระดับรวมกับน้ำซับอื่นๆ

        จากเขาปันน้ำแล้วต่อมาถึงเขายอดชี  ไหลลดระดับมาทางทิศตะวันออกวกไปเวียนมา  ปริมารน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไหลมาอยู่ระหว่างกลางเขายอดชีและเขาอุ้มบาง  ทั้งสองยอดเขาก่อให้เกิดน้ำตกมากมาย  ที่มีขนาดความสูงตั้งแต่ ๑ เมตร  จนถึง ๑๒ เมตร  บริเวณที่มีน้ำตกนี้จะมีปลาชุกชุมมาก เป็นปลาจาด (ลักษณะคล้ายปลาขาวอีตู้หรือปลาสร้อย) ลำตัวขนาดใหญ่  ความยาวประมาณ ๑ ฟุต  พบร่องรอยของสัตว์ป่ามาก  โดยเฉพาะเจ้าป่า  คือ  เสือโคร่ง  พบรอยเท้าบางตัวมีขนาดเท่ากับจานข้าว  เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ นิ้ว  อยู่ตามลำน้ำ  คาดว่าเป็นเสือขนาดใหญ่อาจจะล่าสัตว์อื่นเป็นอาหารลำบาก  จึงลงตามลำน้ำเพื่อหาปลาเป็นอาหาร  บางแห่งก็พบรอยเท้าของสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ เช่น  ช้าง  กวาง  เก้ง  และหมูป่า  ส่วนไก่ป่า  ลิง  ค่าง  ชะนี  ชุกชุมพอสมควร  คณะสำรวจต้องเดินอย่างระแวดระวังทุกระยะ  อีกทั้งเสียงน้ำตกก็ดังซ่าๆ  จนคณะสำรวจต้องตะโกนคุยกัน  มองดูน้ำตกแต่ละแห่งดุแปลกแตกต่างกันไป  บางแห่งสูงถึง ๑๐ เมตร  แตกแยกเป็น ๓ ทาง  ๒ ทางบ้าง  บางแห่งก็สูงชะลูดเหมือนกับท่อระบายน้ำพุ่งลงมา   บางแห่งไหลตกลงมาเหมือนงวงช้าง  ถึงน้ำตกจะสวยงามอย่างไร  คณะสำรวจก็เพลิดเพลินไม่ได้  เพราะเจอรอยเท้าเจ้าป่าและสัตว์ดุร้ายทุกระยะ มิได้ขาด  ประกอบกับน้ำสายนี้มีตะไคร่น้ำมากทำให้ลื่นต้องระวังการหกล้มอีกประการหนึ่ง

 

 

 

         

            เมื่อสายน้ำไหลลดระดับลงเรื่อยๆ  ใกล้จะถึงจุดรวมกับสายใหญ่จะไม่มีน้ำตกเลย  ทำให้เกิดที่ราบริมฝั่งน้ำ  อุดมไปด้วยไม้ป่าที่แปลก  เช่นไผ่ต่างๆ  อาทิ ไผ่ตง  ไผ่ซาง  ไผ่รวก  ไผ่เหี้ย  ต้นตาว  รวมทั้งหวายพันธุ์ต่างๆ  ที่น่าสนใจมากก็คือ  ป่ากล้วยหก  ลักษณะเป็นป่า  กระจายอยู่เป็นหย่อมหลายแห่งๆ ละ ๑ ไร่บ้าง ๒ ไร่บ้าง  กล้วยหกมีขนาดลำต้นใหญ่สูงประมาณ ๑๐ เมตร  ขนาดของปลีใหญ่รับประทานได้  เป็นผักที่มีรสชาติดี (แซบ)  ส่วนผลมีลักษณะคล้ายกล้วยหักมุข  รับประทานได้แต่ไม่อร่อย  อาจจะมี ๖ หวีๆ ละ ๖ ลูก  คนจึงเรียกว่า  กล้วยหก  นอกจากนี้บริเวณลำห้วยนี้ยังมีมะเดื่อ  ซึ่งมีลูกตั้งแต่โคนต้นจนกระทั่งถึงยอด  บางต้นมีลูกขนาดใหญ่มากขนาดเท่ากับผลของมะพร้าวน้ำหอม   หาดุได้ง่ายที่บริเวณห้วยเพียว  ลำเพียวจะไม่ไหลเข้าถ้ำ  มีแต่น้ำตกและมีความยาวประมาณ ๒๕ กิโลเมตร  ไหลมารวมกันกับสายอื่นที่ปากเพียวเป็นแม่น้ำชี

        ห้วยยอดชี   ลำห้วยนี้อยู่เหนือห้วยเพียวขึ้นไป  เกิดจากเขาสันปันน้ำด้านเหนือเพียว  ลักษณะการเกิดเช่นเดียวกับเพียว  คือ  ซึมซับมาจากป่าดงดิบไผ่ไพรวานกับไม้แปก (ไม้สน)  ส่วนหนึ่งเกิดจากเขาเสลียงตาถาด  ซึ่งสูง ๑,๒๔๒ เมตร  จากระดับน้ำทะเล  ซึมซับไหลมาทางทิศตะวันออก  พอเข้าสู่เขาอุ้มนางซึ่งต่างระดับกันก็เริ่มมีน้ำตกตั้งแต่ระดับ ๑ เมตร  ไปถึง ๑๐ เมตร  ซึ่งภูเขาสูงของเขาอุ้มนางทั้งด้านเหนือและใต้  ไหลรวมกันวกไปเวียนมามุ่งสู่ทิศตะวันออก  มีน้ำตกไม่มากมายเช่นเพียว  แต่บริเวณต้นน้ำมีปลาชุกชุมไม่แพ้เพียว  ละมีสัตว์ป่าชุกชุมมากกว่าเพียวโดยเฉพาะช้าง  กระทิง  เมย  กวาง เก้ง  ส่วนเจ้าป่านั้นจะชุกชุมเช่นกัน   แต่ดูจากร่องรอยการต่อสู้ของสัตว์ป่าอยู่ทั่วไป  บางแห่งจะได้ยินเสียงร้องครวญครางของเจ้าป่า  น้ำบางแห่งจะมีเลือดไหลเจือปนให้เห็นอยู่บริเวณต้นยอดชีเป็นระยะๆ  น้ำตกเมื่อดูที่เพียวแล้วมาดูที่ยอดชี  ดูไม่สะดุดตา  ถึงแม้จะสูงแต่ไม่เด่น  ที่แปลกของยอดชีก็คือมีร่องน้ำ   ริมฝั่งมีลักษณะหักเหเป็นมุมฉากระหว่างร่องน้ำกับฝั่ง  ทำให้การเดินและปีนป่ายลำบากมาก   อีกทั้งต้องคอยระแวดระวังสัตว์ป่าที่ดุร้ายด้วย  ตามธรรมชาติไม่ว่าคนหรือสัตว์  ถ้าตัวใหญ่หรือแก่ย่อมมีความเชื่องช้าสุภาพแต่ถ้าเป็นวัยหนุ่มย่อมมีความคึกคะนอง   ซุกซน  ฉะนั้นคณะสำรวจจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษบางคืนเสือโคร่งก็เข้าถึงที่พักแล้วเดินวนเวียนอยู่รอบๆ  ที่พัก บางคืนก็เดินลอดใต้เปลนอนก็เคย  สังเกตได้จากรอยเท้า  บางครั้งคนในคณะตื่นขึ้นมาพบเข้า  เจ้าป่าก็ตื่นตกใจวิ่งหนีอุตลุดเช่นกัน  ไม่ว่าสัตว์ป่าดุร้ายหรือสัตว์ขนาดใหญ่ทุกชนิดกลัวคนทั้งนั้น  แต่นี่เป็นเสือหนุ่มเลยลองของบ่อยๆ  แต่คณะก็ชินเสียแล้ว   บริเวณริมฝั่งห้วยอดชีเราพบโป่งขนาดใหญ่  ดูน่าพิศวงมาก  กลางป่าดงดิบไม่มีหญ้าหรือต้นไม้ขึ้นเลย   มีพื้นที่กว้างประมาณ ๑๐ ตารางวา  ดินโป่งสูงประมาณ ๒.๐๐ เมตร  กว้าง ๔-๕ เมตร   มีน้ำซึมซับไหลหยดตลอดเวลา  ตัวผึ้งเป็นล้านๆ ตัวบินวนเวียนหาน้ำหวานหรืออาหาร

        บริเวณนี้จะมีกระทิง  เมย  กวาง  เก้ง  เลียงผาเต็มไปหมด  คณะเราผ่านไปสามารถมองเห็นไวๆ  มีรอยเท้าเต็มไปหมด  เหมือนคอกสัตว์ทั่วไป   นอกจากนี้ยังมีไม้ประเภทสน  ๒ ใบ  ๓ ใบอยู่ทั่วไป (ชาวบ้านเรียกไม้แปก)  นอกจากนี้คณะสามารถจับปลาด้วยมือเปล่าปริมาณ ๑ กระสอบภายในเวลา ๑ ชั่วโมง   มีขนาดตั้งแต่เล็ก  ถึง ๑ ฟุต  บริเวณยอดชีนี้จะมีไม้พิเศษอยู่อย่างหนึ่ง  คือ  มะนาวสี  รสชาติเหมือนมะนาวทั่วไปแต่ผลมีลักษณะยาวรีผิวไม่เรียบ   มีขนาดใหญ่วัดโดยรอบและยาวได้ ๒๕-๓๐ ซม.  เปลือกหนา  ในฤดูแล้งอาจจะถูกไฟป่าหรือช้างป่าทำลายทราบว่าช้างป่าชอบมะนาวมากโดยเฉพาะผลแก่  ตามลำน้ำลงมามีมูลช้างเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จากเขาอุ้มนางทั้ง ๒ ด้าน  ก่อให้เกิดตรอกเพิ่มปริมาณน้ำขึ้นเรื่อยๆ

        ลำนำสายนี้ยาวประมาณ ๒๐ กิโลเมตร   เมื่อไหลมาถึงเขาครอบปริมาณน้ำในลำห้วยจะเท่ากับลำน้ำเพียวแล้วไหลมุดเข้าถ้ำ   ปากถ้ำมีหินแผ่นใหญ่ยื่นออกมามีลักษณะคล้ายพระจันทร์ครึ่งซีกยาวประมาณ ๑๐-๑๕ เมตร  เป็นหินแกรนิตมีลวดลายคล้ายชุดพรางของทหาร   น้ำไหลเป็นเกลียวเข้าไปในภูเขา   เป็นรูขนาด ๘๐ เซนติเมตร  นี่แหละที่ก่อให้เกิดคำว่า ซี (ชี เป็นภาษาอีสาน แปลว่าเจาะไขทำให้ทะลุ)   นอกจากนี้ยังมีรูอยู่รอบทั่วไป  ถ้าน้ำมากคงจะไหลเข้ารูอื่นๆ  ที่อยู่รอบๆ  ถ้าน้ำมากในช่วงเกิดพายุดีเปรสชั่น  หรือฝนชุกน้ำไม่สามารถไหลเข้าภูเขาได้หมด  ก็จะมีทางระบายอยู่ทางทิศตะวันออกเรียนกว่า  ชีแล้ง”  คือในฤดูน้ำแล้งไม่มีน้ำ   มีเฉพาะฤดูฝนหรือช่วงฝนตกชุก  เป็นร่องน้ำลึกไหลไปทางทิศตะวันออกต่อไปลงห้วยลึกอีกสายหนึ่งเป็นอันสิ้นสุดห้วยยอดชี   เมื่อน้ำไหลเข้าภูเขาจะเรียกว่า  ชีดั้น  ชีดั้นที่ห้วยยอดชีนี้จะไหลลอดภูเขาไปผุดอีกจุดหนึ่ง   อยู่ห่างจากจุดไหลเข้าประมาณ ๘ กิโลเมตร  น้ำที่ผุดลอกจากภูเขานี้เรียกว่า  ชีผุด

        ลำโก่ย (ไขว่)  คำว่าโก่ยนี้เป็นภาษาอีสาน  เป็นชื่อของพันธุ์ไม้เถา  ก็คือองุ่นป่านั่นเอง   แต่เขียนเป็นฝรั่งออกเสียงเป็นภาษาไทย  ชื่อโก่ย  จึงเพี้ยนเป็นไขว่  ลำห้วยโก่ย  เริ่มจากเขาแปปันน้ำและเขาเสลียงตาถาด  มีความสูง ๑,๓๑๑ เมตร  และ ๑,๒๓๑ เมตร  ตามลำดับ  ในบริเวณนี้เป็นป่าไม้แปก (ไม้สน)  และป่าไม้ไผ่ไหรวานหนาทึบเป็นดงดิบ  ก่อให้เกิดน้ำซับแล้วไหลซึมมารวมกัน  ก่อให้เกิดลำน้ำเช่นเดียวกับเพียวและยอดชี   บริเวณยอดเขาแปปันน้ำนี้บางแห่งถูกไฟป่าและชาวบ้านบุกรุกที่ไปทำไร่เลื่อนลอย  มีร่องรอยให้เห็นอยู่

        ส่วนบริเวณเขาเสลียงตาถาดนั้น  ป่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก   มีสัตว์ป่าซุกซนกว่าส่วนอื่น  เข้าใจว่าชาวบ้านหรือพรานป่าคงเข้าไปล่าไม่ถึง   อีกประการหนึ่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวก็อยู่เหนือลำน้ำพรมขึ้นไปเล็กน้อย   ก็พอป้องปรามได้บ้าง  การล่าสัตว์จึงมีน้อยกว่าบริเวณอื่น  แต่ก็มีพรานระดับพระกาฬ  คือพรานล่าช้าง  ก็เข้าไปถึงโดยไม่เลือกฤดูกาล  แต่พรานพวกนี้ก็จะไม่สนใจ  เก้ง  กวาง  สัตว์ป่าจึงชุกชุมกว่าทุกจุล   ปริมาณน้ำห่วยโก่ยนี้จึงน้อยกว่ายอดชีนิดหน่อย  แต่เนื่องจากน้ำไหลลดระดับลงเรื่อยๆ  ทำให้มีน้ำตกมากเช่นกัน   น้ำตกมีทั้งที่สูงและต่ำต่างระดับกันมาก   ทำให้มองดูสวยงามน่าชม   เป็นที่น่าพิศวงมาก   น้ำตกจุดหนึ่งสูงประมาณ  ๒๐ เมตร  มองผิวเผินอาจเห็นว่าเป็นน้ำตก ๗ ชั้น  แต่ความจริงแล้วมีแค่ ๓ ชั้น  แต่ชั้นบนสุดสูงเด่น  สวยงามหาที่เปรียบได้ยาก   ชาวคณะสำรวจฯ จึงตั้งชื่อว่า  น้ำตกพญาแล  น้ำตกนี้ถ้าใครได้ไปพบเห็นและได้หยุดพักผ่อนแล้วจะรู้สึกสดชื่นแทบไม่อยากจากมาเลย

        ชาวคณะสำรวจได้ลงอาบน้ำและปีนป่ายขึ้นไปในระดับความสูงประมาณ ๖ เมตร  ได้พบกุ้งขนาดใหญ่ขนาดของลำตัวเท่ากับขนาดของปากกาลูกลื่น   มีอยู่ตามบริเวณซอกหินที่เปียกโดยทั่วไปในบริเวณน้ำตกนี้  รอบๆ  ฝั่งลำน้ำนั้นมีทากชุกชุมมาก   มีทุกขนาดยั้วเยี้ยไปหมด   แต่คณะสำรวจฯ ก็ได้สมุนไพรกันทากโดยบังเอิญในบริเวณน้ำตกพญาแล  จึงสามารถหยุดพักกันได้นานหน่อย  ลำโก่ยต่อจากน้ำตกพญาแลไหลวนรอบภูเขาไปทางทิศตะวันออก  ประมาณ ๔-๕  กิโลเมตร  ตรงไปยังยอดเขาสูง  มองในระยะไกลมีลักษณะเหมือนหัวพญานาค   น้ำไหลลอดเข้าภูเขาตรงยอดเขาสูงดังกล่าว   ตรงจุดที่น้ำไหลเข้าปากถ้ำ   มองดูเหมือนปากงูกำลังอ้ากว้างมาก   ตรงกลางมีก้อนหินสีขาว ๑ เมตร  เมื่อน้ำไหลกระทบเหมือนกับลิ้นงูตระหวัดไปมา  ปากถ้ำทั้งสองข้างมีต้นกระดุมทองห้อยย้อยลงมาเหมือนปากงูย่น   สลับกับก้อนหินสีน้ำตาลปนดำซึ่งถูกกัดเซาะเป็นหลุมๆ  ติดต่อกันไปตลอดแต่ละหลุมมีขนาดเท่ากับเปลือกไข่ผ่าซีก   มองดูคล้ายเกล็ดงู   ตรงกลางสามารถเข้าไปได้ลึกประมาณ ๑๐ เมตร  เหมือนลำคองู  และมีหินโผล่เหมือนเขี้ยวงูเป็นซี่ๆ   ชาวบ้านเรียกว่าถ้ำงูเห่า   ชาวคณะสำรวจฯ ได้ตั้งชื่อใหม่ว่า ถ้ำวังพญา ทราบว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ชาวบ้านเอาชีวิตมาทิ้งที่บริเวณนี้หลายราย ส่วนใหญ่ใครเข้าไปในถ้ำแล้วหาชีวิตรอดยาก แต่ชาวคณะสำรวจฯ ก็ปลอดภัยกันทุกคนจุดนี้เป็นอันว่าสิ้นสุดลำโก่ย ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น ๑๕ กิโลเมตร น้ำที่ไหลเข้าถ้ำตรงจุดนี้ไปโผล่ที่ผุด ๒ เช่นเดียวกับห้วยยอดชี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดไหลเข้าถึง ๑๖ กิโลเมตร จึงถือว่าเป็นแม่น้ำที่แปลกและมหัศจรรย์สายหนึ่งของโลก

        จากผุด ๒ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำไหลออกจากภูเขาสูง   น้ำผุดออกมาแรงมากเพราะเกิดจากลำน้ำสองสาย  คือ  โก่ยและยอดชีรวมกัน  ไหลทะลักออกมาจากรูของขุนเขา  ในฤดูแล้งจะเห็นชัดเจน  แต่ฤดูฝนน้ำมากจึงมองเห็นไม่เด่นชัดนัก  กระแสน้ำแรงมากขนาดคนเราไปยืนตรงปากอาจจะทานไม่ไหว  น้ำไหลผ่านซอกหินเป็นลำธารประมาณ ๑ กิโลเมตร  ก็จะไหลเข้าภูเขาซึ่งเป็นหน้าผาสูงประมาณ ๒๐ เมตร  มุดเข้าภูเขาตรงที่น้ำไหลเข้าภูเขาจุดนี้  เรียกว่า  ชีดั้น ๑  ห่วยเข้าไปในภูเขาสูงอีกประมาณ ๓-๔  กิโลเมตร  ไปโผล่อีกที่หนึ่งเรียกว่า ผุด ๑ เสียงน้ำผุดกระทบก้อนหินและใบไม้เสียงดังสนั่นไม่แพ้น้ำตกทั่วไป  ถึงจะทึบก็สามารถได้ยินในระยะทางถึง ๕๐๐ เมตร  แล้วไหลมาอีกในระยะทางประมาณ ๖-๘ เมตร  ก็ถึงปากเพียวบริเวณที่น้ำเพียว  ยอดชี  และโก่ย  ไหลมารวมกันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำชีที่แท้จริง  กว่าลำชีกับเพียวจะรวมกันได้สนิทมีระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรเศษ  สังเกตได้จากจุดเริ่มต้นระหว่างชีกับเพียวสีของน้ำจะแตกต่างกัน คือ ชีออกสีเทา  เพียวจะมีสีใสและเย็นจัด  ฉะนั้นเห็นได้เด่นชัดมาก  ยิ่งในปัจจุบันนี้  ป่าพงริมฝั่งน้ำถูกทำลายหมดยิ่งมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  เมื่อชีกับเพียวรวมกันสนิทดีแล้ว  จึงพบน้ำอีกสายหนึ่ง  คือห้วยน้ำอุ่น

        ห้วยน้ำอุ่น  เกิดจากเทือกเขาเทวดาและซีกตะวันตกของทุ่งกะมัง  มีป่าไผ่เหี้ย  ไผ่ซาง  ไผ่ป่าเท่านั้น  และไม้เบญจพรรณอื่นๆ  เป็นเทือกเขาสูงแคบๆ  ปริมาณน้ำจึงไม่มากไหลผ่านถ้ำเทวดา หรือถ้ำกุ้ง หรือถ้ำค้างคาว  เพราะภายในถ้ำแห่งนี้จะมีลักษณะพิเศษคือเป็นถ้ำลึกแคบเหมือนถ้ำเชียงดาวที่เชียงใหม่  ภายในถ้ำมีค้างคาวอาศัยอยู่นับล้านๆ ตัว มูลค้างคาวกองสูงมากถ้าบรรทุกรถสิบล้อ  ได้ประมาณ ๒๐ คันอาจจะไม่หมดด้วยซ้ำ  ในลำน้ำมีปลาลักษณะเหมือนปลาตะเพียนสีขาวอาศัยอยู่  เรียกกันว่าปลาทอง  ประมาณ ๕-๖ ตัว ขนาดความยาวประมาณ ๖ นิ้ว  ลำตัวกว้าง ๓-๔ ซม.  มีเกล็ดเป็นสีทอง  เหลืองทอง เด่นชัดมาก  ถ้านำมานอกถ้ำจะเด่นชัดยิ่งขึ้น  ถัดลึกเข้าไปในถ้ำมีแท่นหินสีทองขนาด ๑๐ คนโอบ  ลักษณะคล้ายแท่นประดับ  จึงได้ชื่อว่าถ้ำเทวดา  ลึกเข่าไปอีกเป็นบ่อมีน้ำ  มีใบไม้เศษไม้วางอยู่มีกลิ่นอบอวลของสมุนไพร  มีชื่อเรียนกว่า บ่อยา  ถือกันว่าถ้าใครไม่สบายได้ดื่มยาในบ่อนี้จะหาย  ด้วยประการฉะนี้คณะข้าราชการโดยการนำของผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิจึงนำเอาน้ำในถ้ำนี้ไปร่วมเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพิธีรัชมังคลาภิเษก  ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา  น้ำไหลเข้าถ้ำนี้ไปอีกประมาณ ๕ กิโลเมตร  ก็ไหลออกจากภูเขาตรงรอยหินแตก  ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาเท่ากับน้ำประปาไหลจากท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓/๔ นิ้ว  บริเวณที่น้ำไหลออกจากภูเขามีกุ้งอยู่มากมายสามารถจับมาเป็นอาหารได้   น้ำไหลลดระดับลงเรื่อยๆ ประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร  แล้วมารวมกับน้ำสายใหญ่ปากเพียวเป็นต้นน้ำชีที่สมบูรณ์  ไหลวนเวียนอ้อมภูเขา (เป็นเขาที่กำลังถูกทำลายโดยการทำให้เลื่อนลอย)  เป็นระยะทางประมาณ ๘ กิโลเมตรไหลผ่านหมู่บ้านโหล่นเป็นหมู่บ้านแรกดังที่กล่าวไปแล้ว

        ไม่ว่าจะไปตามลำเพียว  โก่ย  และยอดชีทุกสาย  ถ้าเดินทางจากบ้านโหล่นเราจะพบน้ำตกสวยๆ  ได้ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย ๒ วัน  จึงจะสมหวัง  ฉะนั้นคณะสำรวจต้องทราบและขยันฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ  จึงสามารถไปถึงจุดหมายและนำมาเล่าสู่กันฟังได้

        จากการที่ได้ทราบว่า  ปริมาณนั้นได้ลดลงเป็นประจำทุกปีนั้น  สาเหตุเพราะป่าเขาต้นกำเนิดแม่น้ำชีของเราบางแห่งถูกทำลายโดยการทำไร่เลื่อนลอย  จากเดิมระยะทางยาว ๘ กิโลเมตร  เพิ่มเป็น ๑๐ ๑๒ กิโลเมตร ในปัจจุบันได้เพิ่มลึกเข้าไปมิได้หยุดยั้งเลย ฉะนั้นถ้าเราไม่พยายามระงับการบุกรุกทำลายป่าเพื่อทำไร่เลื่อยลอย ดังชาวคณะสำรวจได้กล่าวไว้ในที่นี้ก็ยากนักว่าอีสานจะเขียวได้ เพราะแผ่นดินไม่มีน้ำก็เปรียบเสมือนคนไม่มีเลือดแล้วจะมีชีวิตอยู่ได้ฉันใด ขอให้ทุกคนรวมทั้งผู้ใหญ่ระดับจังหวัดระดับประเทศได้ศึกษาและไตร่ตรองอีกสักครั้งว่าอีสาน ๙ จังหวัด จะเขียวหรือไม่ ถ้าไม่อนุรักษ์ต้นกำเนิดแม่น้ำชี

          ประตูเมืองขุนเขา  ได้เปิดกว้างให้สายตาของทุกคนได้มองเห็นสภาพความเป็นจริงของต้นกำเนิดแม่น้ำชีแล้วในวันนี้  อนาคตของสายธารแห่งชีวิตของผู้คนในภาคอีสานจะอุดมสมบูรณ์หรือแห้งขอด  ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการร่วมมือร่วมแรงกันอนุรักษ์และส่งเสริมให้สายธารสายนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่เท่านั้น

        




ผลงานเชิงประจักษ์พัฒนาการอ่านเพื่อชีวิตและสังคม

หลายชีวิต ละม่อม ห้องเรียนภาษาไทยออนไลน์ article
สามก๊ก ตอน จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า ผลงานดีเด่นเชิงประจักษ์
วิถีชีวิตชาวกรุงเก่ากับเรือไทย
อ่านเพื่อสร้างสรรค์"นิทานบันเทิงไทยถิ่นอยุธยา" article
ราโชมอน
พระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู
ว.13ปี2556 และเพิ่มเติมช่องทางพิเศษ ว.1 ปี2559 ผลงานดีเด่นเชิงประจักษ์ article



แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2005 All Rights Reserved. ครูภาษาไทยดีเด่น 2540 ครูต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ 2545 (Teacher Award)กระทรวงศึกษาธิการ รางวัลคุรุสดุดี 2552
ร้านหนังสือ"บ้านครู"  ศูนย์รวมพลังแห่งปัญญา แหล่งศึกษา ค้นคว้า แนะนำหนังสือดีเด่น ควรอ่านเพื่อชีวิตและสังคม
www.kruthai40.com จัดทำโดย นายสุรินทร์ ยิ่งนึก ครูต้นแบบเครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 ครูภาษาไทยดีเด่น รางวัลคุรุสดุดี คุรุสภา surinkruthai@gmail.com